วันที่ 12 มิถุนายน 2557
บลจ.ไทยพาณิชย์ แนะเพิ่มน้ำหนักกองทุนกลุ่มแบงก์รับเศรษฐกิจโต แนะ SCB Banking ให้ผลตอบแทนจากต้นปี 21.9%
นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึง ทิศทางการลงทุนในช่วงนี้ว่าตลาดรับรู้ข่าวดีขึ้นมามาก โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีการปรับตัวสูงขึ้นจากต้นปีถึง 12.2% (6 มิ.ย. 57) ทำให้มีแรงขายทำกำไรออกไปบ้างในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นและส่งผลให้ ตลาดหุ้นไทยยังสามารถไปต่อได้
เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว หุ้นกลุ่มธนาคารก็ได้รับอานิสงค์และกลับฟื้นตัวนำตลาด ดังนั้น บลจ.ไทยพาณิชย์ แนะนำนักลงทุนเพิ่มสัดส่วนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยกองทุนที่แนะนำเป็น ทางเลือก คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SET Banking Sector(SCB Banking) ซึ่งเป็นกองทุนเดียวในตลาดกองทุนรวมที่เป็นช่องทางการลงทุนโดยเน้นเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารเท่านั้น โดยตั้งแต่ต้นปี 2557 จนถึงปัจจุบัน (6 มิ.ย.57) สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีอยู่ที่ +21.9% , 3 เดือนที่ +13.3%, 6 เดือนที่ -1.77%, 1 ปีที่ -11.62% และนับแต่จัดตั้งกองทุนที่ +41.21% สะท้อนถึงธุรกิจธนาคารในประเทศที่มีเสถียรภาพและมีความมั่นคงสามารถสร้างผลการดำเนินงานในระดับที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง
กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SET Banking Sector เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นหมวดธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เฉลี่ยปีละไม่น้อยกว่า 80 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยจะใช้กลยุทธ์ที่สร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีหมวดธุรกิจธนาคารให้มากที่สุด
“ภายหลังจากการประกาศแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของคสช. ทำให้นโยบายต่างๆ ที่ดูเหมือนหยุดชะงักอยู่สามารถเดินต่อไปได้ เศรษฐกิจเริ่มมีความหวังในการฟื้นตัว โดยบลจ.ไทยพาณิชย์มองว่ากลุ่ม ธนาคารจะได้รับประโยชน์จากการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับนักวิเคราะห์หลายสำนักได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและส่งผลดีต่อการขยายสินเชื่อและผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารในที่สุด”นายสมิทธ์ กล่าว
บลจ.ไทยพาณิชย์ แนะเพิ่มน้ำหนักกองทุนกลุ่มแบงก์รับเศรษฐกิจโต แนะ SCB Banking ให้ผลตอบแทนจากต้นปี 21.9%
นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึง ทิศทางการลงทุนในช่วงนี้ว่าตลาดรับรู้ข่าวดีขึ้นมามาก โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีการปรับตัวสูงขึ้นจากต้นปีถึง 12.2% (6 มิ.ย. 57) ทำให้มีแรงขายทำกำไรออกไปบ้างในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นและส่งผลให้ ตลาดหุ้นไทยยังสามารถไปต่อได้
เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว หุ้นกลุ่มธนาคารก็ได้รับอานิสงค์และกลับฟื้นตัวนำตลาด ดังนั้น บลจ.ไทยพาณิชย์ แนะนำนักลงทุนเพิ่มสัดส่วนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยกองทุนที่แนะนำเป็น ทางเลือก คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SET Banking Sector(SCB Banking) ซึ่งเป็นกองทุนเดียวในตลาดกองทุนรวมที่เป็นช่องทางการลงทุนโดยเน้นเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารเท่านั้น โดยตั้งแต่ต้นปี 2557 จนถึงปัจจุบัน (6 มิ.ย.57) สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีอยู่ที่ +21.9% , 3 เดือนที่ +13.3%, 6 เดือนที่ -1.77%, 1 ปีที่ -11.62% และนับแต่จัดตั้งกองทุนที่ +41.21% สะท้อนถึงธุรกิจธนาคารในประเทศที่มีเสถียรภาพและมีความมั่นคงสามารถสร้างผลการดำเนินงานในระดับที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง
กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SET Banking Sector เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นหมวดธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เฉลี่ยปีละไม่น้อยกว่า 80 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยจะใช้กลยุทธ์ที่สร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีหมวดธุรกิจธนาคารให้มากที่สุด
“ภายหลังจากการประกาศแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของคสช. ทำให้นโยบายต่างๆ ที่ดูเหมือนหยุดชะงักอยู่สามารถเดินต่อไปได้ เศรษฐกิจเริ่มมีความหวังในการฟื้นตัว โดยบลจ.ไทยพาณิชย์มองว่ากลุ่ม ธนาคารจะได้รับประโยชน์จากการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับนักวิเคราะห์หลายสำนักได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและส่งผลดีต่อการขยายสินเชื่อและผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารในที่สุด”นายสมิทธ์ กล่าว
วันที่ 20 พฤษภาคม 2557
SCB EIC ประเมิน GDP ปี 57 โต 1.4% หลังตัวเลขไตรมาสแรกอ่อนแอตามคาด
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 57 จะขยายตัวได้ 1.6% หลังภาพไตรมาส 1 ออกมาใกล้เคียงกับมุมมองที่คาดว่าอุปสงค์ในประเทศจะอ่อนแอต่อเนื่องจากการที่ครัวเรือนและนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น อย่างไรก็ดี ตัวเลขการลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่ลดลงมาก และทำให้การลงทุนภาครัฐต่ำกว่าที่ประเมินไว้เป็นความเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม
วานนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานตัวเลข GDP ของไทยในไตรมาส 1 ปี 2014 ลดลง 0.6%YOY (เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า) จากที่ขยายตัว 0.6%YOY ในไตรมาสก่อนหน้า การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังคงลดลงต่อเนื่อง การบริโภคภาคเอกชนในไตรมาสแรกของปี 2014 ลดลง 3.0%YOY โดยเป็นผลจากการใช้จ่ายสินค้าในหมวดสินค้าคงทนที่ลดลงสอดคล้องกับยอดขายรถยนต์นั่งที่ลดลงจากไตรมาสแรกของปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่ยังมีการส่งมอบรถยนต์ตามนโยบายคืนภาษีรถยนต์คันแรกอยู่ ส่วนการลงทุนภาคเอกชนลดลง 7.3%YOY ตามการลงทุนในด้านการก่อสร้างที่หดตัว 7.8%YOY และการลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ยังหดตัว 7.2%YOY เนื่องจากผู้ประกอบการยังไม่จำเป็นต้องเร่งขยายกำลังการผลิตภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอจากการส่งออกที่ฟื้นตัวค่อนข้างช้า และผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง
การลงทุนภาครัฐหดตัวลงมากกว่าที่คาด หลังจากที่ได้มีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กว่า 1 แสนล้านบาทไปในไตรมาสก่อนหน้า การเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนในไตรมาส 1 ปี 2014 ก็กลับชะลอลงทั้งในส่วนของการลงทุนในด้านการก่อสร้างและการลงทุนในเครื่องจักรเครื่องมือ ซึ่งหดตัว 17.1%YOY และ 23.4%YOY ตามลำดับ โดยสาเหตุหลักมาจากรัฐวิสาหกิจที่มีการลงทุนลดลงราว 40%YOY ทั้งในด้านการก่อสร้างและด้านเครื่องจักรเครื่องมือ
รายรับจากนักท่องเที่ยวหดตัวลงครั้งแรกในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยการส่งออกภาคบริการในไตรมาส 1 หดตัว 4.2%YOY ซึ่งได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมทัวร์ศูนย์เหรียญของรัฐบาลจีน และจากความไม่สงบทางการเมืองในประเทศไทย
การส่งออกสุทธิช่วยพยุงตัวเลข GDP แม้การส่งออกสินค้าจะขยายตัวได้เพียง 0.8%YOY ตามการส่งออกไปจีนและอาเซียนที่ชะลอลง แต่การนำเข้าสินค้าที่ลดลงถึง 12.0%YOY จากอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแรง ทำให้การส่งออกสินค้าสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 96.1%YOY และช่วยพยุงตัวเลข GDP ให้หดตัวเพียง 0.6%YOY
คอลัมน์: จับประเด็น: SCBLife โกยกำไร 1.4 พันล้านเติบโต 22%
นายวิพล วรเสาหฤท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต (SCBLIFE) เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกปี 2557 บริษัททำผลงานได้ตามเป้าหมาย มีกำไรสุทธิ 1,469 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,204 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 265 ล้านบาท หรือ 22% รายได้รวม 13,391 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% มาจากรายได้เบี้ยประกันชีวิตสุทธิ 11,880 ล้านบาท เติบโต 9% รายได้จากการลงทุนสุทธิ 1,505 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% และรายได้อื่นๆ อีก 5.9 ล้านบาท
คอลัมน์: จับประเด็น: SCBLife โกยกำไร 1.4 พันล้านเติบโต 22%
นายวิพล วรเสาหฤท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต (SCBLIFE) เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกปี 2557 บริษัททำผลงานได้ตามเป้าหมาย มีกำไรสุทธิ 1,469 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,204 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 265 ล้านบาท หรือ 22% รายได้รวม 13,391 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% มาจากรายได้เบี้ยประกันชีวิตสุทธิ 11,880 ล้านบาท เติบโต 9% รายได้จากการลงทุนสุทธิ 1,505 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% และรายได้อื่นๆ อีก 5.9 ล้านบาท
วันที่ 6 พฤษภาคม 2557
ASP ขาย DW อ้างอิง BANPU,BLAND,KTB,PTTEP,PTTGC,SCB,TMB,TOP เทรด 8 พ.ค.
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เปิดเผยว่า บล.เอเชีย พลัส(ASP)
จะเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์(DW)จำนวน 10 หลักทรัพย์ อ้างอิง บมจ.บ้านปู(BANPU), บมจ.บางกอกแลนด์(BLAND), ธนาคารกรุงไทย(KTB), บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP), บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC), ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB), ธนาคารทหารไทย(TMB)และ บมจ.ไทยออยล์(TOP)โดยจะทำการซื้อวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2557
ทั้งนี้ เป็นการเสนอขาย DW ประเภทสิทธิในการซื้อ(Call Warrants) และประเภทสิทธิในการขาย(Put
Warrants)ใช้รายละเอียด DW ดังนี้
DW หุ้นอ้างอิง จำนวน ราคาใช้สิทธิ อัตราใช้สิทธิ เทรดวันแรก อายุ ครบกำหนดอายุ
(ล้านหน่วย) (บาท) (DW:หุ้นอ้างอิง) (เดือน)
BANP08C1501A BANPU 30.00 23.00 17.5 : 1 8 พ.ค.57 8 14 ม.ค.58
BANP08P1501A BANPU 25.00 31.00 11.5 : 1 8 พ.ค.57 8 14 ม.ค.58
BLAN08C1409A BLAND 30.00 1.85 0.55 : 1 8 พ.ค.57 5 6 ต.ค.57
BLAN08C1501A BLAND 30.00 1.48 0.72 : 1 8 พ.ค.57 8 14 ม.ค.58
KTB08C1501A KTB 30.00 16.40 7 : 1 8 พ.ค.57 8 14 ม.ค.58
PTTE08C1501A PTTEP 30.00 151.00 35 : 1 8 พ.ค.57 8 14 ม.ค.58
PTTG08C1501A PTTGC 30.00 67.00 17 : 1 8 พ.ค.57 8 14 ม.ค.58
SCB08C1501A SCB 30.00 160.00 34 : 1 8 พ.ค.57 8 14 ม.ค.58
TMB08C1501A TMB 30.00 2.10 1.2 : 1 8 พ.ค.57 8 14 ม.ค.58
TOP08C1501A TOP 30.00 50.00 17.5 : 1 8 พ.ค.57 8 14 ม.ค.58
บริษัทจะเสนอขายผ่านระบบการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์(direct listing)/PO
บล.เอเชีย พลัส ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อในระดับ A- โดยบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์(ประเทศไทย)จำกัด เมื่อวันที่21 พฤศจิกายน 2556
อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร(วันที่สืบค้น7พฤษภาคม 2557)
วันที่ 2 พฤษภาคม 2557
SCB EIC ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อปี 57 จับตาผลกระทบขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม
พื้นฐานเฉลี่ยในปี 57 เป็น 2.5% และ 1.6% ตามลำดับ จากก่อนหน้านี้ที่ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยจะอยู่ที่ราว 2.2%และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยจะยังคงอยู่ในระดับต่ำราว 1.3% วานนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้ประกาศอัตราเงินเฟ้อเดือน เม.ย.57 โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 2.45%YOY (เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า) เร่งขึ้นจาก 2.11%YOY ในเดือนมีนาคม ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.66%YOY เร่งขึ้นจาก 1.31%YOY ในเดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ราคาอาหารสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเป็นสาเหตุหลักของการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อในเดือนเมษายน โดยราคาอาหารสำเร็จรูปในเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 5.09%YOY เร่งขึ้นค่อนข้างมากจาก 3.68%YOY ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งการเพิ่มขึ้นของอาหารสำเร็จรูปนี้มีที่มาหลักจากการปรับขึ้นราคาแก๊สหุงต้มตั้งแต่เดือน ก.ย.56 เนื่องจากราคาอาหารสดไม่ได้มีการเร่งตัวเท่าไรนัก โดยราคาอาหารสดในเดือนเมษายนชะลอลงเป็น 4.57%YOY จาก5.70%YOY ในเดือนก่อนหน้า
ขณะที่ราคาพลังงานที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อเดือนเมษายนเร่งขึ้น โดยราคาพลังงานในประเทศปรับตัวลดลงค่อนข้างมากในเดือนเม.ย.56 ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังอ่อนแรงและอุปทานน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปค ส่งผลให้เงินเฟ้อในส่วนของราคาพลังงานเร่งขึ้นอย่างรวดเร็วจาก2.29%YOY ในเดือนมีนาคมเป็น 4.37%YOY ในเดือนเมษายน ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า ราคาพลังงานในประเทศเพิ่มขึ้น 0.19%MOM ในเดือน เม.ย.ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยช่วงเวลา 12 เดือนก่อนหน้า
SCB EIC ประเมินว่า ราคาพลังงานที่ต่ำในปีที่ผ่านมาจะยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อไปอีก 2 เดือนข้างหน้า ในขณะที่ยังต้องจับตามองผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปรับราคาก๊าซหุงต้ม เงินเฟ้อในส่วนของราคาพลังงานจะยังคงเร่งขึ้นมาอยู่ในระดับสูงในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ก่อนที่จะกลับเข้าสู่แนวโน้มเดิม ในขณะเดียวกันยังต้องจับตามองผลกระทบที่จะทำให้ผู้ประกอบการมีโอกาสปรับขึ้นราคาอาหารสำเร็จรูปได้อีกในระยะต่อไป
29 เมษายน 2557
ฝ่ายวิจัย SCB ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 57 ลงเหลือโต 1.6% จาก 2.4%
นางสุทธาภา อมรวิวัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC)
คาดว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP) ของไทยในปีนี้จะอยู่ที่ 1.6% จากประมาณการเดิมไว้ก่อนหน้านี้ที่2.4% เนื่องจากสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองที่มีความยืดเยื้อ ส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น การบริโภคภาคครัวเรือนลดลง 0.5%, การลงทุนภาครัฐลดลง 6.6% และ1การลงทุนภาคเอกชนลดลง 2.8%
"เรามองว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างยาก ว่าจีดีพีปีนี้จะติดลบแม้จะจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ก็ตาม โดยคาดว่าปีนี้จีดีพีจะเติบโตได้ 1.6% ภายใต้สมมุติฐานดังกล่าว อย่างไรก็ตามก็เชื่อว่าไทยน่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ภายในปีนี้ และแม้จะมีการจัดตั้งรัฐบาลได้ทันก็จะส่งผลกระทบไปถึงปีหน้า และหากความรุนแรงทางการเมืองยังอยู่ในระดับนี้ต่อไปก็ถือว่าเศรษฐกิจได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยไตรมาสแรกติดลบอยู่ที่ 0.3%" นางสุทธาภา กล่าว
ทั้งนี้ศูนย์วิจัยฯ ประเมินการส่งออกปีนี้จะขยายตัวที่ 4% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัวได้ 5% หลังการส่งออกในไตรมาสแรกของปีนี้หดตัว 1% เนื่องจากการส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบไปตลาดหลักในประเทศ อินโดนีเซีย และออสเตรเลียหดตัว รวมถึงสินค้าเกษตร เช่น ยางพารา และอาหารทะเล มีราคาตกต่ำ โดยการส่งออกที่ขยายตัวได้ในปีนี้มาจากการเติบโตที่ดีขึ้นของการส่งออกรถยนต์ไปยังตลาดรอง เช่น ซาอุดิอาระเบีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ขณะที่การส่งออกสินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าเริ่มเห็นการฟื้นตัว
สำหรับค่าเงินบาทในอนาคตมีแนวโน้มอ่อนค่าจากปัจจุบันเนื่องจากการไหลออกของเงินทุนต่างประเทศที่เป็นผลมาจากอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจและผลประกอบการของธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการเมือง แม้จะมีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามาในตลาดทุนในช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาก็ตาม แต่อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐที่เร็วกว่ากำหนด ซึ่งจะทำให้ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 33 บาท/ดอลลาร์
อินโฟเควสท์ โดย สุวิมล ภูมิคำ/ธนวัฏ/รัชดา (วันที่สืบค้น 30 เมษายน 2557)
BIG LOT: วันนี้ SCB มูลค่าสูงสุด 832.53 ลบ.ราคาเฉลี่ย 161.97 บ./หุ้น
ปิดตลาดหุ้นไทยวันนี้ พบมีการซื้อขายบิ๊กล็อต 16 หลักทรัพย์ 54 รายการพบ SCB มีมูลค่าสูงสุด 832.53 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 161.97 บาท
รายงานหลังปิดทำการซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันนี้ พบว่ามีการทำรายการซื้อขายหลักทรัพย์บนกระดานใหญ่ (BIG LOT) จำนวน 16 หลักทรัพย์ 54 รายการ ดังนี้
หลักทรัพย์ รายการ จำนวนหุ้น มูลค่า ราคาเฉลี่ย ราคาพาร์
(พันบาท) (บาท)
SCB 2 5,140,000 832,530.20 161.97 10.00
KBANK-F 18 858,200 163,113.80 190.07 10.00
BBL-F 3 839,700 156,026.20 185.81 10.00
CPF 2 2,717,800 75,636.37 27.83 1.00
PTTGC 4 1,026,500 72,859.01 70.98 10.00
STEC 1 4,000,000 70,240.00 17.56 1.00
P-FCB 8 3,660,000 50,142.00 13.70 1.00
SPALI 2 2,659,600 49,282.39 18.53 1.00
MALEE 3 590,000 19,234.00 32.60 1.00
ADVANC 1 73,000 16,352.00 224.00 1.00
SIRI 1 5,000,000 9,800.00 1.96 1.07
DELTA 1 134,900 8,161.45 60.50 1.00
TCAP 1 170,000 6,142.10 36.13 10.00
CPALL 1 120,000 5,325.60 44.38 1.00
IEC 5 52,000,000 1,560.00 0.03 0.10
CENT23C1404A 1 5,000,000 50.00 0.01 0.00
หมายเหตุ: รวมตลาด MAI ด้วย
ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
อ้างอิงจาก http://thunhoon.com/highlight/153908/153908.html (หนังสือพิมพ์ทันหุ้น)
ปิดตลาดหุ้นไทยวันนี้ พบมีการซื้อขายบิ๊กล็อต 16 หลักทรัพย์ 54 รายการพบ SCB มีมูลค่าสูงสุด 832.53 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 161.97 บาท
รายงานหลังปิดทำการซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันนี้ พบว่ามีการทำรายการซื้อขายหลักทรัพย์บนกระดานใหญ่ (BIG LOT) จำนวน 16 หลักทรัพย์ 54 รายการ ดังนี้
หลักทรัพย์ รายการ จำนวนหุ้น มูลค่า ราคาเฉลี่ย ราคาพาร์
(พันบาท) (บาท)
SCB 2 5,140,000 832,530.20 161.97 10.00
KBANK-F 18 858,200 163,113.80 190.07 10.00
BBL-F 3 839,700 156,026.20 185.81 10.00
CPF 2 2,717,800 75,636.37 27.83 1.00
PTTGC 4 1,026,500 72,859.01 70.98 10.00
STEC 1 4,000,000 70,240.00 17.56 1.00
P-FCB 8 3,660,000 50,142.00 13.70 1.00
SPALI 2 2,659,600 49,282.39 18.53 1.00
MALEE 3 590,000 19,234.00 32.60 1.00
ADVANC 1 73,000 16,352.00 224.00 1.00
SIRI 1 5,000,000 9,800.00 1.96 1.07
DELTA 1 134,900 8,161.45 60.50 1.00
TCAP 1 170,000 6,142.10 36.13 10.00
CPALL 1 120,000 5,325.60 44.38 1.00
IEC 5 52,000,000 1,560.00 0.03 0.10
CENT23C1404A 1 5,000,000 50.00 0.01 0.00
หมายเหตุ: รวมตลาด MAI ด้วย
ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
อ้างอิงจาก http://thunhoon.com/highlight/153908/153908.html (หนังสือพิมพ์ทันหุ้น)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น