วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2557

17 เมษายน 2557

ฉลองความสำเร็จการออกและจัดจำหน่ายหุ้นกู้ไทยออยล์ มูลค่า 15,000 ล้านบาท



                            
                             ธนาคารไทยพาณิชย์ พร้อมด้วยธนาคารพันธมิตร ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารกสิกรไทย ในฐานะผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ไทยออยล์ ร่วมฉลองความสำเร็จในการออกและจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในประเทศ มูลค่า 15,000 ล้านบาท ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งการออกและเสนอขายหุ้นกู้สกุลเงินบาทดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในนโยบายด้านการบริหารทางการเงินของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดหาเงินกู้ โดยเงินที่ได้จากการออกและเสนอขายหุ้นกู้จะนำมาใช้เพื่อเป็นเงินลงทุน และ/หรือเงินทุนหมุนเวียนซึ่งได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยมีนายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ นางนิธิมา เทพวนังกูร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่-ด้านการเงินและบัญชี บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยผู้บริหารของ4 สถาบันทางการเงินให้เกียรติมาร่วมงานซึ่งจัดขึ้น เมื่อเร็วๆนี้ ณ ห้องมณฑาทิพย์ โรงแรมโฟร์ซีซันส์

ภาพจากซ้ายไปขวา

1.             นายพรสนอง ตู้จินดา ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
2.             นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
3.             นายวีรศักดิ โฆสิตไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
4.             นางนิธิมา เทพวนังกูร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่-ด้านการเงินและบัญชี บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
5.             นายอาทิตย์ นันทวิทยา รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
6.             นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

อ้างอิงจาก http://www.scb.co.th/th/news/2014-04-17/nws-OilPCL (วันที่ สืบค้น17 เมษายน 2557)





                  ไทยพาณิชย์ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/2557 ที่ 13,129 ล้านบาท


                 กรุงเทพฯ : ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/2557 ที่ 13,129 ล้านบาท อยู่ในระดับเดียวกันกับไตรมาส 1/2556 และเพิ่มขึ้น 11.7% จากไตรมาส 4/2556  แม้ว่าสภาวะทางเศรษฐกิจโดยรวมมีการชะลอตัว  ธนาคารสามารถแสดงการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องในรายได้หลัก อันได้แก่ รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ ค่าธรรมเนียมบริการ และรายได้จากการรับประกันภัย ในขณะเดียวกันธนาคารสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้เป็นอย่างดีเป็นไปตามกลยุทธ์ที่กำหนด ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/2557 รายได้เงินปันผลลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2556 ซึ่งอยู่ในระดับสูง  และถึงแม้คุณภาพสินเชื่อของธนาคารอยู่ในระดับทรงตัว ธนาคารก็ยังได้มีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 ตามหลักการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง

               ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร  กล่าวถึงผลประกอบการของไตรมาส 1/2557  ว่า  ผลสำเร็จที่ดีนี้สะท้อนถึงขีดความสามารถของธนาคาร ความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับตลาดและตอบสนองต่อความคาดหวังของลูกค้า อันเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพในการทำธุรกิจอย่างครบวงจรของกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ รวมถึงประสิทธิผลจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง

               รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ เพิ่มขึ้น 12.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของสินเชื่อ 8.8% ในไตรมาส 1/2557 แม้ว่าอัตราการเติบโตของสินเชื่อจะค่อนข้างทรงตัว ธนาคารประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในการบริหารต้นทุนด้านเงินฝากซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ที่กำหนดไว้  ส่งผลให้ต้นทุนด้านเงินฝากลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

               รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย โดยรวมลดลง 6.5% จากช่วงเดียวกันของปี 2556  อันเป็นผลจากการลดลงของรายได้เงินปันผลซึ่งปรับตัวลดลงอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 1/2556  อย่างไรก็ตามรายได้สุทธิจากค่าธรรมเนียมและรายได้จากการรับประกันภัยยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 9.1% โดยมาจากค่าธรรมเนียมจากการให้บริการการเงินเพื่อธุรกิจและธุรกิจการรับประกันภัยเป็นหลัก

               ทั้งนี้   การเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้และการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพส่งผลให้อัตราค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (Cost-to-Income Ratio) ลดลงอย่างมากมาอยู่ที่ระดับ 35.7%

               ด้านคุณภาพของสินทรัพย์ ด้วยการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง ธนาคารได้ตั้งสำรองเพิ่มเติมในไตรมาสแรกของปีนี้จำนวน 3,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจในอนาคต  ขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) เพิ่มขึ้นจาก 2.06% ในไตรมาสที่ 1/2556  เป็น 2.11%  และทรงตัวอยู่ในระดับนี้ตั้งแต่สิ้นปี 2556  

               นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวเสริมว่า นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ธนาคารสามารถรักษาผลประกอบการในระดับที่ดีได้อย่างต่อเนื่องท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนเช่นในปัจจุบัน ความสำเร็จนี้นอกจากจะสะท้อนถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพแล้ว   ยังเกิดจากความมุ่งมั่นของธนาคารและความร่วมมือร่วมใจของพนักงานที่ตั้งใจจะส่งมอบบริการที่เป็นเลิศให้แก่ลูกค้าและสังคมอย่างต่อเนื่อง 























อ้างอิงจาก http://www.scb.co.th/th/news/2014-04-17/nws_Q12014 (วันที่สืบค้น 17 เมษายน 2557)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น